เก่งมากๆ ราล์ฟ รังนิค ระบุ ไค ฮาแวร์ทซ์ มิดฟิลด์ เชลซี เป็นนักเตะที่เก่งมากๆ จนถ้าให้เปรียบเทียบแล้วก็เหมือนเป็น โยฮัน ครัฟฟ์ ในยุคปัจจุบัน

เก่งมากๆ  พร้อมเชื่อว่าการมาอยู่กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” จะเป็นผลดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย ราล์ฟ รังนิค อดีตเทรนเนอร์ ชาลเก้ 04 และ แอร์เบ ไลป์ซิก กล่าวยกย่อง ไค ฮาแวร์ทซ์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งของ เชลซี ว่าเป็นนักเตะที่มีฝีเท้าสุดยอดจนเหมือนกับ โยฮัน ครัฟฟ์ ตำนานดาวเตะชาวดัตช์

ฮาแวร์ทซ์ กลายเป็นที่สนใจของหลายคนหลังจากทำผลงานได้โดดเด่นกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก่อนที่ เชลซี จะเป็นฝ่ายได้เขามาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์ของปีนี้ด้วยค่าตัวในเบื้องต้น 62 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,480 ล้านบาท) และจะสูงถึง 71 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,840 ล้านบาท)

ถ้าหากแข้งชาวเยอรมันทำผลงานได้ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ในช่วง 2 เกมแรกกับทีมนั้นแข้งวัย 21 ปียังโชว์ฟอร์มได้ไม่ดีเท่าไหร่นัก ก่อนที่จะมาระเบิดแฮตทริกในเกม คาราบาว คัพ รอบ 3 ที่ต้นสังกัดถล่ม บาร์นส์ลี่ย์ 6-0 เมื่อวันพุธที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา ผลบอลสด 7M

รังนิค เผยว่า “ผมมั่นใจว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง และจะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดในอีก 2 หรือ 3 ปีต่อจากนี้ บางทีเขาอาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวสัก 2 สัปดาห์ เพราะเขามีพื้นเพด้านครอบครัวที่ยอดเยี่ยม

เก่งมากๆ

ผมรู้เรื่องนั้นก็เพราะผมเคยพยายามที่จะดึงเขาไปอยู่กับ ไลป์ซิก มาแล้ว แต่เขามุ่งมั่นกับการเล่นให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มากๆ”เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่ผมมองไม่เห็นว่ามีจุดอ่อนในเกมการเล่นเลย ถ้าให้เทียบแล้วเขาก็เหมือนกับเป็น โยฮัน ครัฟฟ์ ในยุคปัจจุบัน

เขาสามารถทำประตูได้และทำแอสซิสต์ได้, สามารถเล่นเป็นกองหน้าแบบพวกนักเตะหมายเลข 9 หรือถอยมายืนต่ำนิดๆ ก็ได้ ผมมองว่าเขาไม่เหมาะกับการเป็นปีกหรอกนะ ผมมองว่าเขาเหมาะกับการยืนตรงกลางสนามมากกว่า

เขาจะมีประโยชน์มากๆ หากได้เล่นแถวนั้น ผมมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าการย้ายทีมครั้งนี้จะเป็นผลดีต่อทั้ง เชลซี และ ไค ฮาแวร์ตซ์ มิดฟิลด์คนใหม่ เชลซี ใช้เวลาแค่ 3 เกมเท่านั้นในการกดประตูแรกในสีเสื้อ “สิงห์บลูส์” แถมเป็นการกดแฮตทริกแรกในอาชีพค้าแข้งด้วย หลังช่วยทีมยำใหญ่ บาร์นสลี่ย์ ครึ่งโหล ในเกม คาราบาว คัพ เมื่อคืนที่ผ่านมา

ไค ฮาแวร์ตซ์ กองกลางดาวดังคนใหม่ของ เชลซี ทำคนเดียว 3 ประตู ช่วยต้นสังกัดเปิดรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไล่ถล่ม บาร์นสลี่ย์ สโมสรระดับ แชมเปี้ยนชิพ 6-0 ในศึก คาราบาว คัพ รอบสาม เมื่อวันพุธที่ 23 กันยายน ที่ผ่านมา

ซึ่งถือเป็นการทำแฮตทริกแรกในอาชีพการเล่นฟุตบอลของเจ้าตัวด้วย การคว้าตัวกองกลางดาวรุ่งอนาคตไกลจากบายเออร์ เลเวอร์คูเซ่น เกิดขึ้นต่อเนื่องจากการซื้อตัวติโม แวร์เนอร์มาจากแอร์เบ ไลป์ซิก และเป็นการเสริมทัพต่อจาก ฮาคิม ซิเยค, เบน ชิลเวลล์ รวมถึงธิอาโก้ ซิลวา

โดยขุมกำลังของแฟรงค์ แลมพาร์ด สำหรับสู้ศึกฤดูกาลใหม่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ ฮาแวร์ตซ์ ถือเป็นหนึ่งในนักเตะชาวเยอรมันที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดหลังแจ้งเกิดกับบายเออร์ เลเวอร์คูเซ่น รับน้องซิลวา

โดยสร้างสถิติใหม่มากมาย อาทิ การเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามในบุนเดสลีก้าครบ 50 และ 100 นัด ซึ่งเจ้าของคนเก่าคือติโม แวร์เนอร์ เจ้าของส่วนสูง 189 เซนติเมตร มาพร้อมความรวดเร็วและเทคนิคอันยอดเยี่ยม

ดาวเตะวัย 21 ปี โชว์ความสารพัดประโยชน์อย่างน่าประทับใจจากวัยของเขา ตำแหน่งหลักคือเล่นเป็นกองกลางตัวรุก มีการจ่ายบอลที่แม่นยำและทะลุทะลวง พร้อมกับความสามารถในการครองบอลในพื้นที่แคบ ๆ และแย่งบอลคืนจากพื้นที่ส่วนบนของสนาม

นอกจากนี้ ยังเคยเล่นทางกราบขวามาก่อนในอาชีพค้าแข้ง และมักจะลากตัดเข้าในด้วยเท้าซ้ายข้างถนัดของเขาหลังจากที่เคยฝึกฝนฟุตบอลกับทีมท้องถิ่นในลีกล่างอย่างอเลมานเนีย มาเรียดอร์ฟ และอเลมานเนีย อาเค่น

เก่งมากๆ

ซึ่งสโมสรหลังคุณปู่ของเขาเป็นผู้ดูแล ฮาแวร์ตซ์ โยกไปอยู่กับบายเออร์ เลเวอร์คูเซ่นตอนที่อายุได้ 11 ปีในปี 2010 และสร้างชื่อของตัวเองกับทีมเยาวชนของสโมสร ได้รับรางวัลซิลเวอร์ ฟริตซ์ วอลเตอร์ เมดัลในปี 2016 โดยเป็นสิ่งที่มอบให้กับนักเตะที่ดีที่สุดในประเทศเยอรมนีซึ่งมีอายุไม่เกิน 17 ปี

เก่งมากๆ เขาลงประเดิมสนามให้ทีมชุดใหญ่ในปีเดียวกัน และกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ปรากฎตัวในเวทีบุนเดสลีก้าก่อนจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อย ๆ ตลอดช่วงฤดูกาล 2016/17 ฮาแวร์ตซ์ ลงสนามในการแข่งขันแชมเปี้ยนส์ ลีกครั้งแรกในปีดังกล่าวโดยเป็นการแข่งขันรอบ 16 ทีมสุดท้าย

แต่เขาพลาดลงเล่นในนัดที่สองที่ต้นสังกัดปราชัยให้กับแอตเลติโก มาดริด เพราะวันแข่งขันชนกับวันที่โรงเรียนมีสอบพอดี ก่อนที่ฤดูกาลจะจบลง เขาทำประตูแรกของตัวเองในเกมที่เสมอกับโวล์ฟส์บวร์ก 3-3 ทำให้กลายเป็นนักเตะของเลเวอร์คูเซ่นที่อายุน้อยที่สุดซึ่งทำประตูในบุนเดสลีก้า ในฤดูกาล 2017/18

เป็นขาประจำในทีมที่บาย อารีน่า และเริ่มมีอิทธิพลกับขุมกำลังมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยช่วยให้ต้นสังกัดได้กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปด้วยการจบอันดับที่ 5 ของตาราง หลังจากที่ปีเตอร์ บอสซ์ เข้ารับตำแหน่งกุนซือ

เก่งมากๆ ถูกจับไปเป็นศูนย์กลางในการทำเกมรุกของทีม โดยยืนตำแหน่งด้านหลังกองหน้า และโชว์ผลงานการถล่มประตูโดยกดไป 20 ตุงในรายการบุนเดสลีก้า และยูโรป้า ลีก ถือเป็นซีซั่นที่เขายิงได้มากที่สุด